Kono Subarashii Sekai ni Shukufuku wo!, ขอให้โชคดีมีชัยในโลกแฟนตาซี! หรือที่รู้จักในชื่อ KonoSuba อนิเมะแฟนตาซีแนวต่างโลก ตลกคอเมดี้ ที่รู้จักกันดี ภาพไม่ต้องสวยก็สนุกได้ แต่หลังมีการเปลี่ยนทั้งสตูดิโอ และเอาภาคต่อไปลงมูฟวี่ ทำให้เกิดคำถามว่า จะมีโอกาสได้เห็นภาค 3 หรือไม่ ?
Update: มีภาค 3 ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อ 28 พ.ค. 22 ข่าวประกาศ
ช่องทางดู KonoSuba ลิขสิทธิ์ซับไทย
บทความด้านล่างเขียนวิเคราะห์ก่อนประกาศภาค 3
ความเป็นมา
เรื่องย่อ: ซาโต้ คาซึมะ หนุ่มนีทที่ตายระหว่างทางอย่างน่าสมเพช ได้พบกับเทพธิดา อควอ ที่ให้เขาเลือกเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซีพร้อมหน้าที่ปราบจอมมาร เมื่อต้องเลือกสิ่งของติดตัวไป เขากลับเลือก อควอ โดยไม่ทราบว่าเธอใช้พลังไม่ได้ในต่างโลก ทำให้การผจญภัยเขาต้องพบอุปสรรคตั้งแต่เริ่ม
ต้นฉบับเป็นนิยายผลงานของ Akatsuki Natsume (เคยใช้ชื่อ Jitakukeibihei) ที่เขียนบนเว็บ ตั้งแต่ปี 2012 – 2013 ก่อนจะมาตีพิมพ์รวมเล่มลงใน Kadokawa Sneaker Bunko (Kadokawa Shoten) วาดภาพประกอบโดย Mishima Kurone ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2020 รวม 17 เล่มภาคหลัก และมีเล่มแยกหลายเล่มอย่าง ขอให้ระเบิดตูมตามในโลกแฟนตาซี!, ขอให้เจ้าโง่นั่นมีบทในโลกแฟนตาซี! แล้วยังมีมังงะหลายภาค
KonoSuba เคยมีภาคอนิเมะ 2 ภาค ตามนิยายเล่ม 1-4 และมูฟวี่ที่เนื้อหาอิงตามนิยายเล่ม 5
- Season 1 (TV, 2016) ผลิตโดย Studio Deen จำนวน 10 ตอน + 1 OVA
- Season 2 (TV, 2017) ผลิตโดย Studio Deen จำนวน 10 ตอน + 1 OVA
- Kurenai Densetsu (Movie, 2019) ผลิตโดย J.C.Staff จำนวน 1 ตอน
แม้ว่าฉาย 2 ภาค แต่ตั้งใจแบ่งซีซั่นละปีอยู่แล้ว เพราะทางสตูดิโอดีนประกาศอีกเรื่องที่ฉายต้นปีเหมือนกัน คือ Reikenzan
ถึงจะเปลี่ยนสตูดิโอที่ผลิต แต่ทีมงานหลักยังคงเหมือนเดิม
- ผู้กำกับ: Kanasaki Takaomi (Kore wa Zombie Desu ka?, Princess Connect! Re:Dive)
- บท: Uezu Makoto (Kore wa Zombie Desu ka?, Seto no Hanayome)
- ดีไซน์: Kikuta Kouichi (Tamayomi)
เหตุผลที่อาจมีภาคต่อ
หนึ่งในแฟนไชส์ที่แข็งแรง: พูดถึงแนวท็อปต่างโลก เฮฮาแบบไร้สาระ คงต้องยกให้ KonoSuba เป็นอันดับต้นๆ (ถ้ามีสาระบ้าง อาจเป็นพวกผู้กล้าขี้ระแวง) ทำให้ในยุคที่แนวต่างโลกพระเอกเทพเริ่มดูน่าเบื่อ จะเลือกแนวเฮฮามา คงต้องยกให้ KonoSuba เป็นตัวเลือกที่น่าเอามาทำต่อเป็นอันดับต้นๆ
ไม่ต้องรีบก็ยังได้: เวลาต้องทำภาคต่อ ปัญหาหนึ่งที่ทำให้ทีมงานปวดหัว คือ จะไปจบตรงไหน เร่งไปก็ไม่ได้โดนแฟนคลับด่าอีก ช้าไปฉายจบก็โดนทวงเรืองภาคต่อ (เป็นลูปไป) ส่วนเรื่องนี้ทำได้เรื่อยๆ ตามสบาย พอให้หายคิดถึงแล้วปล่อยเงียบๆ ไปก็ได้
ยอดขายยังไปได้ต่อ: สิ่งที่สะท้อนความนิยมในญี่ปุ่น คือ เรื่องยอดขาย ในสองภาคแรกเคยขายได้หลักหมื่น แซงหน้าอนิเมะคุณภาพสูงกว่าที่ฉายในปีเดียวกันไปมาก มูฟวี่ก็เคยมียอดคนเข้าชมสูง ยอดขายแผ่นบลูเรย์/ดีวีดี ในช่วงไวรัสระบาดก็ยังขายในเกณฑ์ที่ดี
เผางานตามสบาย: เรื่องภาพก็เรื่องใหญ่ แต่มองเรื่องความเผาระหว่าง Studio Deen กับ J.C.Staff ก็ไม่ค่อยต่างกัน ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับภาคต่อ ทุนแบบโลว์คอส ไปจ้างทีมงานต่างประเทศได้ตามสบาย
เกมมือถือเพิ่งเปิดไม่นาน: หนึ่งในช่องทางทำกำไรให้ต้นสังกัดของ Kodokawa ที่น่าจะผลักดันต่อได้เหมือน Overlord: Mass For The Dead (2019) และ Re: Zero Infinity (2019) แน่นอนว่าเล็งตลาดต่างประเทศไว้ด้วย ทำให้โอกาสทำอนิเมะมาดันเกมต่อหลังเปิดไปสัก 1-2 ปี ก็น่าจะเป็นไปได้
เพิ่งเปลี่ยนบริษัทเลยช้า: บางคนกังวลที่อาจไม่มีต่อเพราะทิ้งช่วงนานเกินไป ซึ่งเวลามีการเปลี่ยนบริษัท มักจะมีปัญหาเรื่องความล่าช้าในการทำภาคต่อเสมอ
ต่างประเทศอยาก Exclusive: ดูจากยอดผู้ชม และความยากง่ายในการสร้าง ทั้ง Netflix, Amazon Prime, Crunchyroll, BiriBiri (จีน) และเจ้าอื่นๆ น่าจะสน
เหตุผลที่อาจไม่มีต่อ
ภาคหลักประกาศจบ: กำหนดวางจำหน่ายเล่มสุดท้ายในวันที่ 1 พฤษภาคม 2020 น่าสนใจตรง ประกาศหลังเวอร์ชั่นมูฟวี่ที่ฉายปี 2019 วางจำหน่ายแผ่น 1 สัปดาห์พอดี ซึ่งน่าจะวางแผนประกาศตอนจะขายแผ่นมาสักพักแล้ว
ต้นฉบับไปช้ามาก: 20 ตอน + 1 มูฟวี่ กับแนวชิลๆ เพิ่งใช้เนื้อหานิยาย 5 เล่ม จาก 17 เล่ม ต้องทำกี่ภาคถึงจะตามต้นฉบับทัน ถ้าย้ายไปอยู่ในมือ J.C. Staff อาจจะเปลี่ยนความเร็วในการดำเนินเรื่อง เหมือน Date A Live ที่เร่งความเร็วมากแต่ยังทำได้เรื่อยๆ แต่อย่างน้อยก็ยังต้องทำอีกหลายซีซั่น ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องยาก
ไม่ใช่ประเภทขายตัวละคร: จุดขายนิยายส่วนใหญ่ที่ได้ทำอนิเมะต่อ มักมีเหตุผลจากเนื้อหาที่ไม่สามารถเล่าได้หมดในช่วงแรก เช่น Date A Live ที่มีภาค 4 เพราะตัวละครสปิริตยังมาไม่ครบ 10, DanMachi ภาค 3 โทนเรื่องเริ่มเปลี่ยนไป พระเอกดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เข้มขึ้น-ตัวละครมากขึ้น หรือ ผู้กล้าโล่ผงาด ภาค 2-3 ที่เปิดโอกาสให้ตัวละครอื่นๆ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น กับเริ่มเผยปริศนาบางเรื่องมากขึ้น
พอมาแนวไม่มีเป้าหมายแบบ KonoSuba ที่เนื้อหาไม่ค่อยไปไหน ทำให้ไม่มีปมอะไรมากนักที่ต้องทำต่อ บางจุดก็สปอยใน Isekai Quartet ไปแล้ว การมีต่อดูจะไม่ค่อยมีความจำเป็น โผล่ในสื่อต่างๆ แก้ขัดไปก่อนก็ยังได้ โดยไม่ต้องมาในอนิเมะ
อยากดันเรื่องใหม่ ต้องทิ้งงานเก่า: สไตล์ของบริษัท Kadokawa คือ เอาอนิเมะมาดันนิยายเรื่องใหม่ ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีราวหลักร้อยเรื่องใหม่ที่ยังไม่ได้ทำอนิเมะสักที จนนิยายผ่านหลัก 10 เล่มไปแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่ามีเงินทุนแล้วจะดันได้ทุกเรื่อง สตูดิโอในญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตที่จำกัดมาก ณ ตอนนี้ คงมีคิวงานล้นไป 1-3 ปีแทบจะทุกบริษัท การจะดันเรื่องใหม่ อาจต้องสละโปรเจกต์ทำภาคต่อ
หนึ่งในเรื่องที่พอทิ้งได้ คงเป็นเรื่องที่ติดตลาดแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องทำภาคต่อมาก (เพราะภาคต่อ ไม่ช่วยดันยอดขายสื่อสิ่งพิมพ์มากนัก) ทำให้แนวโน้มที่ KonoSuba จะโดนเทสูงไม่น้อย
เลือกทำภาคแยกแทน: ทางเลือกหนึ่งที่อาจเป็นไปได้สูงกว่าภาคหลัก เพราะมีภาคแยกอยู่ อีกทั้งมาอยู่ในมือค่ายที่ชอบทำภาคแยกแบบ J.C.Staff แนวโน้มที่ทำภาคมูฟวี่ตามเนื้อหาเล่ม 5 เพื่อเปิดทางทำภาคแยกก็เป็นไปได้สูง และเป็นการดันยอดขายภาคแยกไปในตัว
สรุป: โอกาส 60%
ถือว่าเป็นเรื่องที่ยังทิ้งช่วงไม่นานมาก และมีแนวโน้มที่ได้ทำต่อสูงเรื่องหนึ่ง ไม่ภาคหลัก ก็ภาคแยก แต่โอกาสที่จะโดนทิ้งให้ไปโผล่แบบ SD ใน Isekai Quartet แล้วให้สตูดิโอไปทำเรื่องอื่นแทนก็เป็นไปได้เช่นกัน เพื่อให้ดันเรื่องอื่นอย่างทั่วถึง จึงยังต้องรอดูไปก่อน ถ้ามีต่อ คงได้เห็นข่าวในช่วง 2020-2021